9 บล็อกเกอร์ 9 ภารกิจพิชิตมาเลเซีย
สวัสดีครับ
การท่องเที่ยวมาเลเซียประจำประเทศไทยได้ จัดภารกิจสุดพิเศษโดยคัดเลือกบล็อกเกอร์ชาวไทยจำนวน 9 ท่านให้ไปท่องเที่ยวประเทศมาเลเซียผ่าน 9 ภารกิจหลักในสามเมืองใหญ่อันได้แก่ ปีนัง, อีโปฮ์, และ กัวลาลัมเปอร์ โดยใช้แอพพลิเคชั่น Seeties แอพพลิเคชั่นที่จะช่วยในการค้นหาที่เที่ยวที่กินที่ช้อปซึ่งตอนนี้มีให้ บริการในประเทศมาเลเซีย, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์, ไต้หวัน, และรวมถึงประเทศไทยอีกด้วย เพื่อเป็นตัวช่วยให้ 9 ภารกิจพิชิตมาเลยเชียนั้นลุล่วงไปด้วยดี โดยระยะเวลาการเดินทางทั้งสิ้น 4 วันคือตั้งแต่วันที่ 10 จนถึงวันที่ 13 พ.ย. 2558 ที่ผ่านมาซึ่งโด้ก็ได้รับเกียรติให้ถูกคัดเลือกจากการท่องเที่ยวมาเลเซีย ประจำประเทศไทยให้เป็น 1 ใน 9 บล็อกเกอร์ที่จะต้องทำภารกิจในครั้งนี้ให้สำเร็จและรีวิวนี้จะเป็นบรรยากาศ ต่างๆตลอดทั้ง 4 วันของโด้ในภารกิจพิชิตมาเลเซีย ถ้าพร้อมแล้วไปกันเลยครับ
เริ่มกันที่รายชื่อ 9 บล็อกเกอร์ที่ถูกคัดเลือกโดยการท่องเที่ยวมาเลเซียประจำประเทศไทย
1. คุณลุงอ้วน [ www.fattyuncleeattravel.com]
2. คุณดาว [ www.daopentor.com]
3. คุณจิ๊บ [ www.feelthai.blogspot.com]
4. คุณบอย [ www.sadoodta.com]
5. คุณเจิน [ www.bloggertrip.com]
6. คุณต้น [ www.travelguruthailand.net]
8. คุณอ้น [ www.go-graph.com]
7. คุณนกแก้ว [ www.goohiw.com]
และ 9. โด้ [ www.reviewnowz.com]
วันแรกของการเดินทาง (10/11/15) รวมตัวกันที่สนามบินสุวรรณภูมิแถว M ซึ่งเป็นของ สายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ (Malaysia Airlines) ผู้สนับสนุนในการเดินทางในครั้งนี้ใช้เวลารวดเร็วไม่มีปัญหา
ระยะเวลาในการเดินทางประมาณสองชั่วโมงนิดๆเท่านั้นภาย ในเครื่องมีอาหารหลักให้หนึ่งมื้อรสชาติเข้มข้นถึงใจดีพร้อมเครื่องดื่มเสริฟ์ตลอด
เปลี่ยนเป็นเครื่องภายในประเทศที่สนามบินนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ แวะจิบเครื่องดื่มหอมๆสดชื่นๆที่ร้าน OldTown White Coffee เลือกดื่ม OldTown White Coffee แบบเย็นหอมเด่นสดชื่นรสเข้มข้นกลมกล่อมหวานมันชัดเจนดีแต่ไม่แรงไปอร่อยๆ
ระหว่างนั่งรอก็เจอภารกิจแรกเรียกน้ำย่อยกันก่อนเลยกับ ” Challenge 1 : Smart Explore in KLIA!” รู้ลึกรู้ลับกับมาเลเซียโดยจับคู่บล็อกเกอร์คู่ไหนรู้เรื่องมาเลเซียเยอะสุด ภายในเวลา 15 วินาทีและผู้ชนะได้แก่ คุณจิ๊บกับคุณอ้น ตอบไปได้กว่า 13 อย่างคือ กัวลาลัมเปอร์, สลังงอร์, กลันตัน, ซาบาฮ์, ตึกแฝด, Lostworldoftambun, Sunwaylagoon, malaysiaairlines, เครื่องเทศ, ลิงจมูกยาว, tourismmalaysia, oldtowncoffee, และ ชาเตตาเหระ เรียกว่ามาเป็นชุดโด้นี่ฟังนิ่งเลย
ออกเดินทางต่อด้วยเที่ยวบินภายในประเทศของสายการบิน มาเลเซียแอร์ไลน์มุ่งสู่ปีนังใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงเท่านั้นให้บริการ snack และเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์
มีรสบัสคันใหญ่รอรับพร้อมไกด์ท้องถิ่นจากสนามบินสู่ใจกลางเมือง จอร์จทาวน์ (George Town) เมืองหลวงของปีนังและยังเป็นหนึ่งในสองเมืองของมาเลเซียที่ได้รับการขึ้นทะเบียนยูเนสโก้ให้เป็นเมืองแห่งมรดกโลกด้วย
มื้อกลางวันที่ร้าน Perut Rumah โดย Mr. Ooi, CEO Penang Global Tourism (PGT) เป็นเจ้าภาพ ตัวร้านเป็นอาคารเก่าสวยมากภายในยิ่งสวยให้อารมณ์บ้านพักสมัยก่อนมีลานตรง กลางรับแสงเป็นร้านขนาดเล็กแต่สูงโปร่งมีมุมถ่ายรูปเยอะดีชอบมากๆ
อาหารเป็นสไตล์ Nyonya Cuisine ที่เกิดจากการผสมผสานกันระหว่างอาหารจีน (รัฐปีนังเป็นเขตการปกครองเพียงแห่งเดียวของมาเลเซียที่มีประชากรส่วนใหญ่ เป็นชาวจีน) และอาหารท้องถิ่นพัฒนามาจนเป็นเอกลักษณ์ของตนเอง อาหารแต่ละจานหน้าตาคุ้นเคยดีแต่รสชาติรับรองไม่เหมือนที่ในเมืองไทยเลยแต่ ละจานจะมีรสชาติที่แตกต่างกันรสชาติเข้มข้นชัดเจนทานง่ายสบายอยู่ถือเป็นการ ต้อนรับสู่มาเลเซียอย่างเป็นทางการได้เป็นอย่างดี
อิ่มอร่อยกับชาว Seeties ที่คอยดูแลต้อนรับเป็นอย่างดี
เดินทางต่อมาที่ร้าน China House เป็นร้านนั่งกินดื่มชิวๆที่ตกแต่งร้านได้แนวร้านนี้คนเยอะคนเต็มและเป็นจุดที่จะเริ่มภารกิจที่ 2
” Challenge 2 : Wefie in the Art” จัดทีมละ 3 คนออกเสาะหาศิลปะบนกำแพงตามจุดที่กำหนดในจอร์จทาวน์แล้วโพสลงใน Seeties เป็นภารกิจที่สนุกมากเพราะโด้ไม่รู้เลยว่าตอนนี้อยู่ตรงไหนของเมืองกว่าจะหา เจอใช้เวลาพอสมควรและวิ่งกันวุ่นวายทั่วเมืองกันเลย สำหรับภารกิจนี้ทีมโด้ซึ่งมีลุงอ้วน, คุณเจิน, และ โด้ เป็นทีมที่ทำภารกิจได้เสร็จก่อนเป็นทีมแรก
แต่บอกได้เลยว่าจอร์จทาวน์สวยมากเป็นเมืองที่โด้ต้องกลับมาอีกแน่นอน ข้อมูลสำหรับ Street Art in George Town : CLICK
เดินทางสำหรับภารกิจต่อไปที่ Gurney Drive เป็นแบบเปิดบรรยากาศบ้านๆสบายๆและมีร้านอาหารมาเปิดเป็นสิบๆร้านคึกคักด้วยผู้คนท้องถิ่น
เริ่มภารกิจกันเลย ” Challenge 3 : Food of Unity” โดยใช้ทีมเดิมให้เงินคนล่ะ 20 RM เสาะหาเมนูอร่อยๆในย่าน Gurney Drive แห่งนี้ผ่าน Seeties และถ่ายภาพอาหารที่ทานลงใน Seeties ใครถ่ายได้น่าทานที่สุดคือผู้ชนะในภารกิจนี้ ทีมโด้เลือกแนวอาหารสดปรุงร้อนๆใหม่ๆอย่างปลาหมึกผัดถั่วพลู (15 RM), หอยหลอดผัด (15 RM), และเมนูท้องถิ่นที่มาถึงมาเลเซียแล้วห้ามพลาดนั่นก็คือปลากระเบน (20 RM) โดยรวมวัตถุดิบสดสะอาดขนาดชิ้นใหญ่ดูดีเนื้อเยอะรสชาติเข้มข้นกลมกล่อมอร่อย แถมทั้ง 3 เมนูพึ่งจะใช้ไปเพียง 50 RM เท่านั้นเองและผู้ชนะในภารกิจนี้ก็คือคุณจิ๊บ รับรางวัลที่พักหนึ่งคืนที่ Sunway Hotel Georgetown
ได้เวลากลับไปพักผ่อนแต่เส้นทางเข้าโรงแรมค่อนข้างท้าทายมากเพราะคือถนน Lorong Baru เป็นถนนสายอาหารคนเยอะคึกคักน่าสนใจมากๆทีเดียว
ที่พักในคืนนี้ของเราคือก็ที่ Sunway Hotel Georgetown ห้องสว่างสะอาดเรียบร้อยอุปกรณ์ครบเตียงนุ่มแอร์เย็นน้ำร้อนพักผ่อนเตรียมพร้อมสำหรับวันที่สอง
วันที่สองของการเดินทาง (11/11/15) เติมพลังกับบุฟเฟ่ต์อาหารเช้าของ Sunway Hotel Georgetown กันก่อนอาหารจะมีทั้งแบบตะวันตกสลัดผักไข่ดาวไส้กรอกขนมปังหรือจะอาหาร มาเลเซียพวกแกงต่างๆคู่กับข้าวสวยรวมถึงข้าวต้มก๋วยเตี๋ยวแต่ทั้งหมดจะไม่มี เมนูที่ใช้เนื้อหมูเลย
ลาเกาะปีนังขึ้นสะพานข้ามทะเลโดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเท่านั้นก็จะมาถึงที่ Parit Buntar ซึ่งเป็นสถานีรถไฟที่เราจะใช้ไปเมือง Ipoh ด้วยรถไฟขบวนใหม่ล่าสุดของ Keretapi Tanah Melayu (KTM) คือขบวน Electric Train Service (ETS) ภายในสว่างสะอาดเรียบร้อยนิ่มเงียบแอร์เย็นกระจกกว้างมองวิ่งได้ชัดเจนพร้อม ม่านปิดมีห้องน้ำกว้างขวางมีตู้เสบียงที่เรียกว่า cafe มีโทรทัศน์ให้ชมแบบเป็นซับพร้อมแสดงข้อมูลการเดินทางต่างๆด้วยความเร็วถึง 142 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำให้เราถึงเมืองอีโปฮ์ในเวลาไม่ถึงชั่วโมง
สถานีรถไฟของเมืองอีโปฮ์ออกแบบได้สวยงามโดยเฉพาะด้านหน้ามีโอกาสอย่าลืมเก็บรูปเป็นที่ระลึก สำหรับ อีโปห์ (Ipoh) เป็นเมืองหลวงของรัฐเปรัคถือเป็นเมืองร่ำรวยเมืองหนึ่งมีรายได้มาจากการทำเหมืองแร่ในอดีต
ออกเดินทางโดยรถบัสต่อไม่ถึง 40 นาทีก็มาถึงสถานที่สำหรับภารกิจต่อไปนั้นก็คือที่ Kellie’s Castle สำหรับปราสาทเคลลีสร้างขึ้นเพื่อเป็นบ้านพักในต่างแดนของวิลเลียม เคลลี สมิธ (William Kellie Smith) เจ้าของไร่ชาวสก็อตในคริสต์ศตวรรษที่ 20 การออกแบบมีกลิ่นอายของสก็อตแลนด์แต่การก่อสร้างปราสาทแห่งนี้หยุดชะงักลง เมื่อเคลลีเสียชีวิตลงอย่างกะทันหันในปีค.ศ. 1926 จึงกลายเป็นปราสาทที่ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวเหมือนอยู่ในความฝันท่ามกลางพืช พันธุ์ไม้ป่าของรัฐเประให้ความรู้สึกถึงความลึกลับและเอกลักษณ์ที่โดดเด่น แถมเชื่อกันด้วยว่ายังมีห้องลับและอุโมงค์ใต้ดินซ่อนอยู่ในปราสาทรวมถึงความ เชื่อเรื่องภูติผีสิ่งเล้นลับเป็นผู้เฝ้าพิทักษ์วนเวียนไม่ไปไหนที่ยังคง เป็นที่กล่าวขานและพบเห็นจนมีบริการให้ท้าพิสูจน์ในช่วงกลางดืกซึ่งสามารถ แจ้งความประสงค์กับเจ้าหน้าที่ได้
ยังไม่ลืมกับภารกิจพิชิตมาเลเซีย ” Challenge 4 : OMG, Kellie Castle” แยกย้ายกันตามหาสลักลึกลับทั่วปราสาทที่จะไขเรื่องราวของผู้พิทักษ์ปราสาท Kellie ใครใจกล้าท้าสัมผัสเจอสลักลึกลับนี้ก่อน 2 ท่านแรกคือผู้พิชิตภารกิจหลอนอันนี้ ผู้ที่พิชิตภารกิจนี้ได้คือคุณดาวและโด้ สำหรับปราสาทเคลลี เปิด 09:00-18:00 ค่าเข้าชมคนต่างชาติ 10 RM
แวะเก็บภาพประทับใจกับ TT5 Tin Dredge ยักษ์ใหญ่ตัวสุดท้ายของโลกด้วยขนาดกว้างยาว 75×35 ม. ผลิตจากประเทศอังกฤษในปี 1938 ใช้งานจนกระทั่งปี 1982 และสำหรับ 9 บล็อกเกอร์ไทยกลุ่มนี้ถือเป็นกลุ่มสุดท้ายก่อนที่ตรงนี้จะถูกปิดตัวลงและ ห้ามเข้าจนกว่าจะปรับปรุงบูรณะเสร็จคาดว่าไม่ต่ำกว่า 2 ปีกันเลยทีเดียว
มาทานมื้อกลางวันกันใน Lost World of Tambun ที่ Kepura cave ห้องอาหารแบบเปิดภายใต้บรรยากาศของถ้ำและวิวภูเขาสีเขียวของต้นไม้ร่มรื่น เป็นธรรมชาติสวยงามมาก สำหรับอาหารที่จัดเป็นแบบบุฟเฟ่ต์อาหารมาเลเซียซึ่งทำได้อร่อยถูกปากมากๆไม่ ว่าจะเป็นแกงปลาชิ้นหนาปรุงรสเข้มข้นกลมกล่อม, แกงเนื้อชิ้นหนาแต่ไม่เหนียวเลยปรุงรสหอมเครื่องเข้าเนื้อไร้ที่ติ, กุ้งตัวใหญ่เนื้อหวานหน้าตาคล้ายอบเกลือแต่รสชาติไม่ใช่ทานง่ายอร่อยอีกเช่น กัน, แกงไก่ที่หอมเข้มข้นไม่จัดมากเสริมรสเข้ากันสุดๆด้วยขนมปังปิ้งและอีกมากมาย ปิดมื้อด้วย Kopi กาแฟร้อนๆหอมๆรสเข้มข้นสุดๆ
ภารกิจที่ 5 มาต่อเลย ” Challenge 5 : Lost My world in Tambun” กับภารกิจตามหาสัญลักษณ์ภายใน Lost World of Tambun ที่มีทั้งสวนน้ำสวนสนุกและสวนสัตว์ท่ามกลางหุบเขาถือเป็นตัวท็อปแห่งเดียวใน มาเลเซียที่ผสานความสนุกท่ามกลางขุนเขาแห่งธรรมชาติได้อย่างลงตัว และคุณต้นคือผู้ที่ทำภารกิจได้สำเร็จเป็นคนแรก
แม้เราจะอยู่กลางหุบเขาแต่มื้อค่ำของ 9 บล็อกเกอร์ไทยพิชิตมาเลเซียจะต้องไม่ธรรมดาเพราะทาง Lost World of Tambun ได้จัดมื้อค่ำให้บนชายหาดแถมชมทะเลเทียมใกล้ๆเป็นบุฟเฟ่ต์บาร์บีคิวกับหลาก หลายวัตถุดิบและที่โดดเด่นสุดๆก็จะเป็นเนื้อแกะที่นุ่มหอมมีรสมีชาติเรียก ว่าไม่ต้องจิ้มน้ำจิ้มกันเลย ไส้กรอกอร่อย กุ้งเนื้อแน่นหวาน มันหวานมาก และอีกหลากหลายเมนู โดยรวมอร่อยทานง่ายถูกปากมากๆอีกหนึ่งมื้อ
ออกมาเดินที่ไนท์มาร์เก็ตในเมืองอีโปฮ์ร้านหลากหลายคนเยอะคึกคักแถมยังได้ชิมข้าวมันไก่ของอีโปฮ์อร่อยมากๆใครมาอีโปฮ์แนะนำให้ลองกัน
คืนนี้พักกันที่ Lost World Hotel โรงแรมขนาด 3 ชั้นแต่อาคารยาวมากๆกับห้องสว่างสะอาดมาตรฐานดูดีอุปกรณ์ครบหลับสบายแบบ Lost World กันเลย
สำหรับมื้อเช้าของวันที่สามของการเดินทาง (12/11/15) ที่ Lost World Hotel นั้นจะจัดอยู่ที่ด้านหน้าทางเข้าของ Lost World of Tambun มีบริเวณกว้างขวางอยู่ อาหารเป็นแบบบุฟเฟ่ต์มีทั้งอาหารมาเลเซ๊ยและอาหารตะวันตก เลือกทานกันสบายๆท่ามกลางขุนเขาพร้อมหมอกโดยรอบสวยมาก
ออกเดินทางต่อจากสถานีรถไฟของเมืองอีโปฮ์ขึ้นขบวน ETS เช่นเดิมโดยใช้เวลาประมาณชั่วโมงกว่ามุ่งสู่ กัวลาลัมเปอร์ (Kuala Lumpur) เมืองหลวงของประเทศมาเลเซีย สถานีรถไฟในกัวลาลัมเปอร์แห่งนี้กว้างใหญ่มากๆเชื่อมต่อหลากหลายที่แต่ไม่ต้องห่วงเพราะมีให้ป้ายชัดเจน
มาที่จุดนัดพบกับ 9 บล็อกเกอร์ชาวมาเลเซียเพื่อทำภารกิจร่วมกันที่ร้าน EINSTEIN ร้านคาเฟ่เก๋ๆขนาดเล็กอยู่บนชั้นสองบนถนน Jalan Sultan ในย่านไชน่าทาวน์ซึ่งทางบล็อกเกอร์จากมาเลเซียมารอเรียบร้อยบรรยากาศคึกคัก สนุกสนานเป็นกันเองเหมือนรู้จักกันมานานแล้ว
อย่ารอช้าเริ่มเลย ” Challenge 6 & 7 : Budget Travel Race” เป็นการจับคู่บล็อกเกอร์ไทยและมาเลเซียเพื่อตามหาของอร่อยทั่วไชน่าทาวน์ผ่าน Seeties และซื้อของฝากให้ได้มากที่สุดในจำนวนเงินที่จำกัด
และทีมที่ทำเวลาได้เร็วที่สุดคือทีมของคุณเอ็ดดี้และโด้นั่นเอง
ทุกคนย้ายมาทำภารกิจที่ 8 กันต่อที่ Grand Millennium Kuala Lumpur Hotel กับภารกิจ “Challenge 8 : My KL is hi-so and slow life!” ยังคงจับคู่กับคู่เดิมเพื่อแข่งชาชักและชงม็อกเทลกรรมการตัดสินคือ เชฟและบาร์เทนเดอร์ของโรงแรมแกรนด์มิลเลนเนียม กัวลาลัมเปอร์ และผู้ชนะคือทีมของคุณจิ๊บ
ช่วงเย็นกับงานแถลงข่าว “9 Bloggers 9 Missions in wonderful Malaysia” ให้กับสื่อมวลชนของมาเลเซียพร้อมขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนและมอบรางวัลให้กับ ผู้พิชิตในแต่ล่ะภารกิจที่ผ่านมา
ต่อด้วยมื้อค่ำที่ร้าน Serai ร้านตั้งอยู่ชั้น 7 ของศูนย์การค้ายักษ์ใหญ่ใจกลางเมือง Pavilion Kuala Lumpur เต็มอิ่มไปกับชุดอาหารมาเลเซียไม่ว่าจะเป็นสะเต๊ะเนื้อนุ่มหอมฉ่ำด้วย เครื่อง, ข้าวยำหอมรสกลมกล่อมจัดจ้านด้วยซอสพริก, ไก่ย่างคลุกซอสเข้มข้น, แกงเนื้อหอมนุ่มอร่อยๆ และขนมหวาน
บรรยากาศสนุกสนานมากยิ่งขึ้นหลังจากการพิชิตภารกิจร่วมกันของบล็อกเกอร์ชาวไทยและมาเลเซีย
และงานนี้โด้โชคดีได้รับผลิตภัณฑ์พิเศษที่ผลิตจากดีบุกคุณภาพโดย Royal Selangor มอบให้เป็นที่ระลึก ได้ชม star wars collection คอลเลคชั่นล่าสุดที่ผลิดเพียง 5,000 ชุดเท่านั้นสวยมากๆ
กิจกรรมในวันนี้สิ้นสุดแต่สีสันของกัวลาลัมเปอร์นั้น ไม่มีสิ้นสุดมีให้โด้ทั้งช้อปปิ้งทั้งกินทั้งดื่มทั้งเต้นกับ night life กันอย่างเต็มที่มันส์มาก
ในค่ำคืนสุดท้ายนี้ที่กัวลาลัมเปอร์ทั้งบล็อกเกอร์ชาวไทยและมาเลเซียพักกันที่ โรงแรมแกรนด์มิลเลนเนียม กัวลาลัมเปอร์ ห้องพักใหญ่กว้างขวางสวยงามดูดีมีระดับอุปกรณ์ต่างๆครบและเติมเต็มสุดๆด้วยทำเลที่อยู่ใจกลางเมืองย่านท่องเที่ยวถูกใจทุกคนแน่นอน
เข้าสู่เช้าวันสุดท้ายวันที่สี่ของการเดินทาง (13/11/15) ต้อนรับด้วยบุฟเฟ่ต์มื้อเช้าของ โรงแรมแกรนด์มิลเลนเนียม กัวลาลัมเปอร์ เช่นเดียวกับหลายๆที่คือจะไม่มีเมนูหมูดังนั้นเมนูเบคอนของที่นี่จะเป็น beef bacon ซึ่งเป็นครั้งแรกของโด้ที่ได้ชิมทานแล้วหอมอร่อยมีรสชาติอร่อยมากๆไส้กรอก เนื้อลูกวัวก็อร่อยเรียกว่าสองอย่างนี้ต้องซ้ำ แต่สำหรับท่านที่ไม่ทานเนื้อก็ยังมีเมนูต่างๆให้ได้เลือกตามมาตรฐานโรงแรม 5 ดาว
มาถึงภารกิจสุดท้ายที่สวนสนุกขนาดยักษ์ Sunway Lagoon ที่มีทั้งสวนน้ำสนุกที่พักพร้อมสรรพ
ภารกิจสุดท้ายแล้ว ” Challenge 9 : Sunway Lagoon I am ready!” จัดเป็นทีม 3 คนค้นหาสถานที่ที่กำหนดและทำกิจกรรมเพื่อให้ผ่านด่านมีทั้งหมด 5 จุดที่กระจายอยู่ทั่ว ซึ่งความยากสมกับเป็นภารกิจพิชิตมาเลเซียสุดท้ายจริงๆเพราะต้องมีทั้งตะลุย บ้านผี, วิ่งรอบสระน้ำ, และอีกมากมายแต่ที่เรียกว่าที่สุดแล้วของโด้ก็คือการที่โด้ต้องอุ้มงูซึ่ง เป็นสัตว์ที่โด้ไม่อยากแม้แต่จะมอง! ด้วยความยากทำให้ทีมที่พิชิตภารกิจสุดท้ายคือทีมคุณดาว, คุณบอย, และคุณอ้น ส่วนทีมโด้ได้ที่สองเพราะไปเสียเวลากรี๊ดร้องกับการอุ้มงู (ฮ่าๆ)
มื้อกลางวันกันที่ Lighthouse เป็นแบบบุฟเฟ่ต์ชอบข้าวผัดกับปลากรอบหอมอร่อยดีและไก่ทอดชิ้นใหญ่สะใจแต่หมักเข้าเนื้อทานเพลิน
กล่าวปิดภารกิจโดย Mr. Davie Lim, CEO Seeties ที่จัดทีมงานดูแลใกล้ชิดตลอดภารกิจสุดยอดมากๆ
และก็ได้เวลามาที่ Kuala Lumpur Airport เพื่อเตรียมตัวขึ้นเครื่องกลับประเทศไทยและแน่นอนผู้สนับสนุนการเดินทางทั้งไปและกลับก็คือ Malaysia Airlines
ทาง Malaysia Airlines ใจดีมอบตุ๊กตากัปตันมาเลเซียและ Flash Drive 16GB แถมยังไม่ให้กลับง่ายๆพามาใช้บริการที่ Golden Lounge Satellite Business ที่ให้บริการเฉพาะบัตรโดยสารชั้นธุรกิจภายในกว้างขวางสุดๆเงียบสงบมีมุมให้ นั่งมากมายรวมถึงอาหารและเครื่องดื่มก็เช่นกันเรียกกว่าให้อิ่มอร่อยเต็มที่ ก่อนขึ้นเครื่องกันเลย
และแล้วก็ถึงเวลาขึ้นเครื่องอำลาประเทศเพื่อนบ้านของเรามาเลเซีย
เก็บทุกความรู้สึกประทับใจไว้ในความทรงจำตลอดไป
ทั้งหมดนี่คือบรรยากาศกับทริป ” 9 บล็อกเกอร์ 9 ภารกิจพิชิตมาเลเซีย” ตลอด 4 วันทั้ง 3 เมืองในประเทศมาเลเซียที่มีทุกความรู้สึกทั้งโหดทั้งมันส์ทั้งฮาในทุกภารกิจ ผ่านสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามและมีชื่อเสียงระดับโลกรวมถึงการร่วมมือกัน ของบล็อกเกอร์ไทยและมาเลเซียที่ไม่มีอะไรมาขวางกั้นความสัมพันธ์อันดีของสอง ประเทศ นอกเหนือจากภารกิจพิชิตมาเลเซียยังเติมเต็มด้วยความสวยงามอิ่มอร่อยการจับ จ่ายใช้สอยและอีกมากมายที่ทำให้การเดินทางในครั้งนี้เป็นมากกว่า “ภารกิจพิชิตมาเลเซีย” ครับ.
ขอบคุณมากครับ
โด้
ขอขอบคุณ
– การท่องเที่ยวมาเลเซีย (Tourism Malaysia)
– การท่องเที่ยวมาเลเซียประจำประเทศไทย
– Seeties
– สายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ (Malaysia Airlines)
– Penang Global Tourism (PGT)
– Keretapi Tanah Melayu (KTM)
– Grand Millennium Kuala Lumpur Hotel
– Sunway Hotel Georgetown
– Lost World Hotel
– Kellie’s Castle
– Lost World of Tambun
– Sunway Lagoon
– China House
– EINSTEIN
– Serai
– Royal Selangor
– Pavilion Kuala Lumpur
– ทีมงานและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกๆท่านทั้งไทยและมาเลเซีย
– 9 บล็อกเกอร์มาเลเซีย
และสุดท้าย 9 บล็อกเกอร์ชาวไทย
รายละเอียดงาน
9 Bloggers 9 Missions in wonderful Malaysia / 9 บล็อกเกอร์ 9 ภารกิจพิชิตมาเลเซีย
ท่องเที่ยวผ่านกิจกรรมที่เมือง ปีนัง, อีโปฮ์, และ กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย
วันที่ 10-13 พ.ย. 58