Savelberg Thailand
สวัสดีครับ
สำหรับร้าน Savelberg Thailand นั้นเป็นร้านของ เชฟ แฮงค์ ซาเวลเบิร์ก (Chef Henk Savelberg) ซึ่งเชฟชาวดัตช์ (Dutch) ที่มีดีกรีระดับเจ้าของร้านอาหารที่ได้รับมิชลินสตาร์ (Michelin star) มากถึง 4 ร้านในประเทศเนเธอร์แลนด์ (Netherland) ด้วยกันและปัจจุบันเชฟได้เลือกกรุงเทพมหานครเป็นที่ตั้งของร้านที่อยู่นอกประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยได้รับเป็นร้านอาหารระดับ 1 ดาวมิชลิน (1 Michelin Star) จาก Michelin Guide Thailand ถึงสามปีซ้อนติดๆกัน (2018, 2019, และ 2020) ในส่วนอาหารที่เสริฟ์นั้นจะเป็นอาหารแนวฝรั่งเศส ซึ่งในรีวิวนี้โด้ได้รับเกียรติมากๆจากเชฟซาเวลเบิร์กมาร่วมพูดคุยเกี่ยวกับมิชลินไกด์ไทยแลนด์ (Michelin Guide Thailand) ซึ่งจากการได้คุยกับเชฟทำให้โด้ได้เห็นมุมมองของเชฟผู้ผ่านระดับมิชลินสตาร์ในยุโรปต่อการทำงาน และยังได้ให้ชิมเมนูของเชฟพร้อมอธิบายอย่างละเอียด นับว่าเป็นคลิป live ที่มีเนื้อหาที่ดีมาก แต่ในช่วงแรกเสียงเบาซึ่งโด้ก็ได้ทำ caption เฉพาะในช่วงแรกของคลิปไว้ให้เรียบร้อย ถ้าพร้อมแล้วเราไปนั่งคุยกับเชฟระดับมิชลินสตาร์กันเลยครับ
บรรยากาศสไตล์ตะวันตกสมัยใหม่เรียบหรูสวยงามโดดเด่นด้วยกระจกจากพื้นจรดเพดานที่สูงโปร่งด้านนอกเป็นต้นไม้ใหญ่ของถนนวิทยุที่ร่มรื่น
Amuse-bouche ที่นี่จะมีให้เรียกน้ำย่อยกันแบบฟรีๆถึง 3 เมนูด้วยกัน
แตงโมที่นำไปแช่ในแชรงเกรียรสออกหวานฉ่ำติดเปรี๊ยวนิดๆปิดด้วยแฮมหอมเด่นรสเข้มข้นแม้จะใช้เพียงนิดเดียวก็ตามให้ความสดชื่น
เชฟอยากให้อารมณ์เป็นคุ๊กกี้ที่เรียกน้ำย่อยรองด้วยแป้งกรอบมีความหนานิดๆพอให้เคี้ยวเพลิน ตัวไส้เป็นตับห่านและพูเรกล้วยหอมหวานเนื้อเนียนเย็นคล้ายไอศกรีม เรียกว่ามีหลากหลายรสและเนื้อสัมผัสในคำเดียว และยังคงให้ความสดชื่นได้ดีมากๆ
Amuse-bouch ตัวสุดท้ายทำเป็นไข่มุกโดยภายในเป็นครีมที่ใส่เนื้อปูทานคู่กับเครื่องต่างๆอย่างคื่นฉ่ายฝรั่งเลยจะออกกรีนๆหอมๆเปรีี๊ยวหวานสดชื่นอีกเช่นกัน
ขนมปังและเนย
‘Lobster Salad’
กุ้งล็อบสเตอร์หวานหนึบหนับเนื้อดีมากๆ รองด้วยขากุ้งล็อบเตอร์ทาร์ทาร์ (tartare) เนื้อนุ่ม ทานคู่กับผักดองที่เชฟต้องการทำให้เหมือนอยู่ในสวนญี่ปุ่นพันด้วยล็อปสเตอร์มูส (lobster mousse) รสเข้มข้นกลมกล่อมทำให้มีทั้งความเปรี๊ยวหวานมันหนึบหนับหลากหลายในคำเดียว ปิดด้วยเซอร์ไพรส์เป็นหินที่ทานได้เพราะเป็นช็อกโกแล็คไส้เป็นตับห่านคืออร่อยแบบคลาสสิค เป็นการเปิดมื้อได้อร่อยมากๆ
‘Sole Fillet’
เป็นปลาตาเดียว (Sole Fish) ที่เชฟนำเข้าจากประเทศเนเธอร์แลนด์ด้วยตนเอง ชิ้นหนาฉ่ำชัดเจนเนื้อหนึบหนับโดดเด่น ทานเคียงกับกระหล่ำดอกกรอบกำลังดีที่คลุกเนยจนหอมเด่นและถั่วเฮเซลนัต (hazelnut) รสออกเปรี๊ยวหวานและเนื้อสัมผัสของถั่วชัด เทคนิกในการปรุงจานนี้โด้ว่าค่อนข้างหนักแต่รสชาติกลับออกมาให้ความสดชื่นลงตัวได้อย่างน่าประทับใจจริงๆ
‘Grilled Turbot’
ใช้ปลาลิ้นหมา (turbot) ชิ้นใหญ่หนาย่างมาสวยงามหอมเนื้อนุ่ม เสริมกลิ่นรสด้วยเนื้อส้ม น้ำส้ม ฟักทอง และสมุนไพรต่างๆ จะได้ความหอมเปรี๊ยวหวาน รองด้วยแอพริคอตพูเร (apricot puree) ส่วนไข่มุกรอบๆจานนั้นจะทำจากฟักทองและแอพริคอต โดดเด่นด้วยตัวโฟมมะพร้าวที่ให้โด้รู้สึกถึงความเป็นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งเชฟต้องการให้รู้สึกประมาณนั้น จานนี้ก็ยังคงรักษาความสดชื่นได้เป็นอย่างดี
‘Fasan’
Fasan ซึ่งโด้เข้าใจว่าน่าจะเป็นไก่ฟ้า โดยเป็นไก่ฟ้าป่าแท้ๆที่ได้จากการล่าด้วยการยิงในช่วงกลางเดือนตุลาคมจนถึงสิ้นเดือนมกราคมดังนั้นการนำมาปรุงอาหารจะต้องระวังในเรื่องกระสุนที่ฝังใน นับว่าเป็นเรื่องราวที่มาของวัตถุดิบในแบบท้องถิ่งที่น่าสนใจ ในส่วนการปรุงนั้นตัวหนังกรอบหอมเด่นส่วนเนื้อจะฉ่ำนุ่มนวลสุดๆกลิ่นเฉพาะไม่มีเลย โดยรวมจะมีมิติมากกว่าเนื้อไก่แต่จะเบากว่านกพิราบ ราดน้ำซอสหอมเข้มข้นกลมกล่อมไม่กลบวัตถุดิบหลัก รองด้วยกะหล่ำปลีดองทำเองที่หอมละมุนสุดๆ ตกแต่งด้วยฟองมันฝรั่งทอดกรอบๆหอมๆ วัตถุดิบหลากหลายผ่านเทคนิคต่างๆรวมอยู่ในจานเดียวเป็นจานที่คุ้มค่ามากๆทีเดียว
คั่นด้วยเมนูฟรีจากทางร้านเป็น Hangop โยเกิร์ตของเนเธอร์แลนด์จะมีน้ำในตัวน้อยทำให้เนื้อสัมผัสแน่นกว่าโยเกิร์ตปรกติทั่วไป ส่วนตัวเกล็ดน้ำแข็งนั้นทำจาก Mojito เปรี๊ยวหวานเด่น ทานด้วยกันจะสมดุลย์ล้างปากก่อนขนมหวานจานสุดท้ายจะมา
เป็น lubera ที่มีรสเปรี๊ยวโดดนำไปปรุงกับน้ำตาลเนื้อสัมผัสจะออกคล้ายๆผัก ทานคู่กับไอศกรีมโยเกิร์ต ช็อคโกแล็คที่มีทั้งซอสเปรี๊ยวและครีมอยู่ด้านใน จานนี้จะออกเปรี๊ยวหวานให้ความสดชื่นปิดท้าย
ซาเวลเบิร์ก ไทยแลนด์ คือความลงตัวของทุกองค์ประกอบไม่ว่าจะเป็นบรรยากาศที่สวยงาม การบริการเอาใจใส่ระดับห้าดาว อาหารที่ใส่ใจในทุกรายละเอียดตั้งแต่วัตถุดิบคุณภาพระดับพรีเมี่ยมทั้งในและต่างประเทศ เทคนิคต่างๆมากมายที่นำมาเสนอลงบนจานไม่ว่าจะเป็นสีสันการตกแต่งเทคนิคการปรุงที่ผสมผสานกันได้อย่างกลมกล่อมลงตัวซึ่งเป็นคุณสมบัติหลักๆของห้องอาหารระดับโลก และอีกจุดเด่นพิเศษที่โด้สัมผัสได้จากที่นี่ก็คือ “ความสดชื่น” ในทุกๆจานที่ได้ทาน เหมือนเป็นมื้ออาหารที่ทำให้โด้ได้พักผ่อนผ่อนคลายและมีความสุขไปกับช่วงเวลาอร่อยที่มีคุณภาพแบบนี้ ซึ่งก็เป็นไปตามที่ เชฟ แฮงค์ ซาเวลเบิร์กและทีมงานทุกๆท่านตั้งใจที่จะมอบให้ผู้ที่มาทานอาหารที่นี่ได้กลับไปให้สมกับเป็นร้านอาหาร 1 ดาวมิชลินถึง 3 ปีซ้อนนั่นเองครับ.
ขอบคุณมากครับ
โด้
รายละเอียดร้านอาหาร
ร้าน ซาเวลเบิร์ก ไทยแลนด์ / Savelberg Thailand
110 ถนนวิทยุ ลุมพินี ปทุมวัน กรุงเทพ 10330 [เขตปทุมวัน]
110 Wireless Rd., Lumphini, Pathum Wan, Bangkok 10330 Thailand
12:00-14:30 / 18:00-22:00 (หยุดวันอาทิตย์)
โทร. 0-2252-8001
website : www.savelbergth.com